โมรหัตถิยเถราปทานที่ 2 (452)ว่าด้วยผลแห่งการถวายกำหางนกยูง[42] เราถือกำหางนกยูงเข้าไปเฝ้าพระ โลกนายก เรามีจิตเลื่อมใส มีใจโสมนัส ได้ถวาย กำหางนกยูง ด้วยกำหางนกยูงนี้ และด้วยการตั้งเจตนา ไว้ ไฟ 3 กองของเราจึงดับสนิทแล้ว เราได้สุข อันไพบูลย์ โอ พระพุทธเจ้า โอ พระธรรม โอ สัมปทาแห่งพระศาสดาของเรา เราถวายกำหาง นกยูงแล้ว ได้ความสุขอันไพบูลย์ ไฟ 3 กองของเราดับสนิทแล้ว เราถอน ภพขึ้นได้ทั้งหมดแล้ว อาสวะทั้งปวงหมดสิ้นไป แล้ว บัดนี้ภพใหม่มิได้มี ในกัปที่ 31 แต่กัปนี้เราได้ถวายทานใด ในกาลนั้น ด้วยทานนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการถวายกำหางนกยูง เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระโมรหัตถิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วยประการ ฉะนี้แล. จบโมรหัตถิยเถราปทาน
สีหาสนพิชิยเถราปทานที่ 3 (453)ว่าด้วยผลแห่งการพัดพุทธอาสน์[43] เราได้ไหว้โพธิพฤกษ์ของพระผู้มี พระภาคเจ้าพระนามว่าติสสะ ได้ถือเอาพัดวีชนี พัดอาสนะทองในที่นั้น ในกัปที่ 92 แต่กัปนี้ เราได้พัดอาสนะ ทอง ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จักทุคติเลย นี้เป็น ผลของการพัด เราเผากิเลสทั้งหลายแล้ว . . . คำสอน ของพระพุทธเจ้า เราได้ทำเสร็จแล้ว ดังนี้. ทราบว่า ท่านพระสีหาสนพีชิยเถระได้ภาษิตคาถาเหล่านี้ ด้วย ประการฉะนี้แล. จบสีหาสนพีชิยเถราปทาน ติณุกกธาริยเถราปทานที่ 4 (454)ว่าด้วยผลแห่งการทำคบเพลิงบูชา[44] เราเป็นผู้มีจิตเลื่อมใสมีใจโสมนัส ได้ชูคบเพลิงไว้ 3 ดวง ที่ไม้โพธิพฤกษ์ ของ พระพุทธเจ้าพระนามว่าปทุมุตตระ ซึ่งเป็นไม้ สูงสุดกว่าไม้ทั้งหลาย |